จรรยาบรรณคู่ค้า

ประกาศบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ที่ 6/2566

เรื่อง จรรยาบรรณคู่ค้า

(ปรับปรุงครั้งที่ 1)

คำนำ

บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล (ESG) ในการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบและยั่งยืนเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จระยะยาวและการสร้างผลกระทบเชิงบวก จรรยาบรรณคู่ค้าฉบับนี้จึงเป็นกรอบการดำเนินงานที่สร้างความมั่นใจว่าคู่ค้าของบริษัทฯ ปฏิบัติสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ในการปฏิบัติตามหลักจริยธรรมทางธุรกิจ การดูแลสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคม การปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณคู่ค้านี้ยังเป็นการสนับสนุนความมุ่งหมายของบริษัทฯ ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมที่เท่าเทียม ยืดหยุ่น และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมดียิ่งขึ้น อันเป็นการตอบสนองต่อหลักปฏิบัติตามความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) หลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles and Human Rights) และปฏิญญาว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labor Organization's Declaration on Fundamental Principles and Rights at Work) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจร่วมกับคู่ค้าที่น้อมรับหลักปฏิบัติจรรยาบรรณคู่ค้าฉบับนี้ และมีการพัฒนาปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความมุ่งมั่นร่วมกัน บริษัทฯ จะสามารถสร้างสมดุลระหว่างความสามารถในการทำกำไร ความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม และการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างกลมกลืน

ขอบเขต

ขอบเขตการปฏิบัติตามจรรยาบรรณคู่ค้าฉบับนี้ครอบคลุมคู่ค้าทุกรายที่จัดหาสินค้าหรือบริการให้กับกลุ่มบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งรวมถึงคู่ค้าโดยตรง ผู้รับเหมาช่วง และพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ บริษัทฯ คาดหวังว่า คู่ค้าจะถ่ายทอดข้อกำหนดเหล่านี้ไปยังคู่ค้าของตน เพื่อให้มั่นใจว่าตลอดห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดของบริษัทฯ ยอมรับการปฏิบัติตามจรรยาบรรณฉบับนี้

การบังคับใช้ของจรรยาบรรณคู่ค้า

การปฏิบัติตามจรรยาบรรณฉบับนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อบริษัทฯ และเป็นส่วนสำคัญของเงื่อนไขทางการค้า และข้อตกลงตามสัญญา ที่ใช้ในการพิจารณากับคู่ค้า สำหรับ จรรยาบรรณคู่ค้า จะดำเนินการทบทวนเป็นประจำทุกปี หรือในกรณีที่เกิดสถานการณ์ที่สำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงสอดคล้องกับเงื่อนไขทางธุรกิจปัจจุบัน

ฝ่ายบริหารงานทั่วไป หน่วยงานที่ดำเนินการและเกี่ยวข้องกับการคัดเลือกและทำสัญญากับคู่ค้าของบริษัทฯ รวมถึงบริษัทย่อย และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหาร มีความรับผิดชอบในการบังคับใช้หลักจรรยาบรรณคู่ค้าฉบับนี้กับคู่ค้าของตน โดยจะตรวจสอบการปฏิบัติตาม และจัดทำรายงานการปฏิบัติตามจรรยาบรรณคู่ค้าเป็นประจำทุก 2 ปี เสนอต่อกรรมการผู้จัดการใหญ่

การสื่อสารจรรยาบรรณคู่ค้า

ฝ่ายบริหารงานทั่วไป หน่วยงานที่ดำเนินการ และเกี่ยวข้องกับการคัดเลือกและทำสัญญากับบริษัทฯ บริษัทย่อย และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหาร มีหน้าที่รับผิดชอบในการสื่อสารจรรยาบรรณคู่ค้าให้กับคู่ค้าของตน โดยต้องดำเนินการนำส่งจรรยาบรรณคู่ค้าให้กับคู่ค้าทุกราย และขอให้คู่ค้าลงนามรับทราบจรรยาบรรณคู่ค้า ในกรณีที่มีการปรับปรุงจรรยาบรรณคู่ค้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการสื่อสารจรรยาบรรณคู่ค้าที่แก้ไขใหม่ให้กับคู่ค้าทุกราย นอกจากนี้ควรจัดให้มีการการอบรมคู่ค้าเพื่อสร้างการรับรู้ และความเข้าใจในเนื้อหาและเจตนารมณ์ของจรรยาบรรณคู่ค้า อันจะนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องและเป็นไปตามความคาดหวังของบริษัทฯ

การจัดการจรรยาบรรณสู่การปฏิบัติ

ระบบการบริหารจัดการ

คู่ค้าต้องแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการพัฒนา และปรับปรุงแนวปฏิบัติ และการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลให้สอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน และประยุกต์ใช้หลักปฏิบัติตามของจรรยาบรรณคู่ค้าของบริษัทฯ

กลไกการรับเรื่องร้องทุกข์ และร้องเรียน

คู่ค้าต้องจัดให้มีระบบร้องทุกข์และการรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นธรรมและโปร่งใส พร้อมทั้งมีกระบวนการที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาและมีมาตรการในการปกป้องสิทธิของผู้ร้องเรียนและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคุ้มครองผู้ร้องเรียนต่อการตอบโต้ที่อาจจะเกิดขึ้นในทุกรูปแบบ นอกจากนั้น คู่ค้าควรมีการจัดเก็บและการปกป้องข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม

กระบวนการตรวจสอบ

บริษัทฯ สงวนสิทธิในการทวนสอบจรรยาบรรณฉบับนี้ ด้วยกระบวนการตรวจสอบภายใน และ/หรือ ผู้ทวนสอบภายนอก รวมทั้งการร้องขอความร่วมมือจากคู่ค้าในการปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานให้สอดคล้องกับจรรยาบรรณคู่ค้าของบริษัทฯ

การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

บริษัทฯ ส่งเสริม และสนับสนุนให้คู่ค้าพัฒนา และปรับปรุงการดำเนินงานตามหลักปฏิบัติของจรรยาบรรณคู่ค้าฉบับนี้อย่างต่อเนื่อง สำหรับคู่ค้าที่ปฏิเสธ หรือมีการกระทำที่ขัดต่อหลักปฏิบัติของจรรยาบรรณฉบับนี้ บริษัทฯ อาจจะพิจารณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง รวมถึงการยกเลิกสัญญา และการทำธุรกิจร่วมกันต่อไป

หัวข้อจรรณยาบรรณคู่ค้า

1. สิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติต่อแรงงาน

1. การเคารพสิทธิมนุษยชน
   คู่ค้าต้องเคารพในหลักการสิทธิมนุษยชนและจะต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติจากความแตกต่างทางเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา การศึกษา ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม สถานะทางสังคม ทรัพย์สิน ถิ่นที่อยู่ ความเห็นทางการเมือง หรือคุณลักษณะอื่นใดที่ควรได้รับการปกป้องคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชน คู่ค้าทุกรายจะต้องปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนที่กำหนดไว้ในนโยบายสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ
2. การบังคับใช้แรงงาน
   คู่ค้าห้ามมีการใช้แรงงานบังคับ แรงงานผูกมัด หรือแรงงานที่ไม่สมัครใจในรูปแบบใด ๆ ได้แก่ แรงงานที่ถูกบังคับ ทาสสืบเชื้อสาย แรงงานขัดหนี้ และการค้ามนุษย์ สำหรับการค้ามนุษย์ หมายถึง การจัดหา การขนส่ง การโอนย้าย การให้ที่พักอาศัย หรือการรับบุคคลโดยใช้การข่มขู่ กำลังบังคับ ขู่เข็ญ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจหรือความเปราะบางโดยมิชอบ การให้และรับเงินหรือผลประโยชน์เพื่อให้ได้มาซึ่งการควบคุมบุคคลอื่นสำหรับแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ การบังคับใช้แรงงานและบริการ หรือการใช้แรงงานทาส
3. แรงงานเด็ก
   คู่ค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นและกฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องการจ้างงานตามอายุขั้นต่ำ โดยข้อกำหนดอายุขั้นต่ำต้องเป็นไปตามบรรทัดฐานสากล อาทิ ปฏิญญาว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO)
4. ค่าจ้างและสิทธิประโยชน์
   คู่ค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน ในเรื่องการจ่ายค่าตอบแทน สวัสดิการและผลประโยชน์ ค่าตอบแทนที่พนักงานของคู่ค้าพึงจะได้รับควรเทียบเคียงกับมาตรฐานแรงงานประเภทเดียวกันของอุตสาหกรรมของคู่ค้า โดยให้แน่ใจว่าพนักงานของคู่ค้าสามารถตอบสนองความจำเป็นพื้นฐานของตนและครอบครัวได้
5. ระยะเวลาในการทำงาน
   คู่ค้าต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของกฎหมายแรงงานเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงานของพนักงาน การทำงานล่วงเวลา วันหยุด และวันลาตามสิทธิที่พึงได้ตามกฎหมาย สำหรับการทำงานล่วงเวลาและการทำงานในวันหยุดจะต้องเป็นไปตามความสมัครใจและได้รับความยินยอมจากพนักงาน คู่ค้าควรปฏิบัติตามหลักปฏิบัติต่อแรงงานที่ดีของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับระยะเวลาในการทำงาน
6. การเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด
   คู่ค้าต้องปฏิบัติต่อบุคคลทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติในเรื่องของเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา เพศ อัตลักษณ์ทางเพศ รสนิยมทางเพศ ชาติกำเนิด อายุ ความทุพพลภาพ หรือคุณลักษณะอื่นใดที่ได้รับการคุ้มครอง การเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน การเลื่อนตำแหน่ง การอบรม และทางเลือกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน ถือเป็นเรื่องต้องห้าม คู่ค้าต้องรักษาสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ปลอดจากการ ล่วงละเมิด ซึ่งรวมถึง การล่วงละเมิดทางวาจา ทางร่างกาย และทางสายตา นอกจากนี้ การล่วงละเมิดคุณลักษณะที่ได้รับการคุ้มครอง อาทิ การล่วงละเมิดทางเพศ หรือเชื้อชาติ ถือว่าผิดกฎหมาย
7. การปฏิบัติต่อแรงงานหญิง
   คู่ค้าต้องให้ความคุ้มครองแรงงานหญิงไม่ให้ทำงานในลักษณะที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย ในกรณีแรงงานซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ คู่ค้าต้องจัดให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด
8. เสรีภาพในการสมาคมและสิทธิในการเจรจาต่อรอง
   คู่ค้าต้องเคารพเสรีภาพของแรงงานในการจัดตั้ง รวมกลุ่ม และเข้าร่วมสหภาพแรงงานโดยปราศจากการแทรกแซงหรืออคติ พนักงานควรได้สิทธิการมีส่วนร่วมในการเจรจาต่อรองโดยไม่ได้รับการลงโทษหรือการตอบโต้ คู่ค้าควรรับรู้ และเคารพสิทธิของพนักงานในการเจรจาต่อรอง และลงนามในข้อตกลงการเจรจาต่อรองร่วมกันกับตัวแทนแรงงาน หรือสหภาพแรงงานเพื่อกำหนดเงื่อนไข และข้อกำหนดการจ้างงานอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
9. การป้องกันผลกระทบต่อชุมชนและสังคม
   คู่ค้าควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดกับชุมชนและสังคม รวมถึงไม่ดำเนินการใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง หรือความเชื่อมั่นในบริษัทฯ นอกจากนี้ คู่ค้าควรส่งเสริม และสนับสนุนการจ้างแรงงานในท้องถิ่นด้วย
10. การบริหารคู่ธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานของคู่ค้า
    คู่ค้าต้องให้ความสำคัญในการดำเนินการตรวจสอบการปฏิบัติงานหรือการปฏิบัติตามกฎหมายของคู่ค้าตนเอง หรือผู้รับเหมาช่วง หรือพันธมิตรทางธุรกิจของตน รวมทั้งควรดำเนินการประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากคู่ค้าของตน คู่ค้ารับช่วงงาน คู่ธุรกิจของตน และประเมิน ผลงาน ปรับปรุงแก้ไขปัญหา และข้อบกพร่องด้วย
11. ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
    
    1. การดูแลสภาพแวดล้อมการทำงานให้มีความปลอดภัย
       คู่ค้าต้องจัดสถานที่ทำงานให้มีความปลอดภัย และถูกสุขอนามัย โดยจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก และสวัสดิการที่เพียงพอต่อการทำงานทั้งในสถานที่ที่ปฏิบัติงาน สำนักงานของคู่ค้า และอาณาบริเวณของบุคคลที่สาม การจัดสภาพแวดล้อม และวัสดุอุปกรณ์ต้องเป็นไปตามมาตรฐานด้านสุขาภิบาล ความปลอดภัย และด้านอาชีวอนามัย คู่ค้าจะต้องมีมาตรการป้องกัน เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุอันตราย ลดการเจ็บป่วยจากการทำงานให้เหลือน้อยที่สุด และต้องจัดให้มีอุปกรณ์และการรักษาพยาบาลเบื้องต้นในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินด้วย
    2. การจัดการความปลอดภัย
       คู่ค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม รวมทั้งมาตรฐานที่อุตสาหกรรมยอมรับ คู่ค้าต้องไม่เพิกเฉยต่อการกระทำที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัย และสุขอนามัยของแรงงาน หรือการทำงานที่ต่ำกว่าข้อบังคับของกฎหมาย และข้อกำหนดของบริษัทฯ คู่ค้าต้องเข้มงวดให้แรงงานสวมใส่อุปกรณ์ความปลอดภัยในระหว่างการปฏิบัติงาน รวมถึงดำเนินการฝึกอบรมเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยแก่แรงงาน และสร้างระบบการแจ้งหรือรายงานประเด็นปัญหาด้านความปลอดภัย และสุขอนามัย
    3. การเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน
       คู่ค้าต้องประเมินความเสี่ยง และระบุเหตุการณ์ฉุกเฉินที่มีโอกาสเกิดขึ้น เช่น เพลิงไหม้ ระเบิด สารเคมีรั่วไหล ภัยธรรมชาติ เป็นต้น พร้อมทั้งมีมาตรการวางแผนป้องกัน ลดผลกระทบ และกระบวนการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนี้คู่ค้าต้องให้ความสำคัญในการประเมินความพร้อมของผู้ปฏิบัติงานและอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติงาน และจัดอบรมให้ความรู้ความเข้าใจแผนรับมือเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ เพื่อให้แรงงานปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และทันท่วงทีเมื่อเกิดอุบัติภัย หรือเหตุฉุกเฉิน

2. สิ่งแวดล้อม

1. การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการใช้พลังงาน
   คู่ค้าต้องดำเนินการเชิงรุกเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการตรวจวัด การตรวจติดตาม และรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างถูกต้องบริษัทฯ สนับสนุนให้คู่ค้าตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และแบ่งปันข้อมูลนี้กับบริษัทฯ นอกจากนี้คู่ค้าควรนำกระบวนการ และเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานมาใช้ ส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน ใช้ระบบการจัดการพลังงาน และใช้พลังงานในการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริษัทฯ ยังสนับสนุนให้คู่ค้าเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน
2. การป้องกันมลพิษ และการจัดการของเสีย
   คู่ค้ามีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินมาตรการเพื่อลดมลภาวะ และการปล่อยสสารอันตรายสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการนำแนวปฏิบัติที่ดีมาใช้ในการป้องกันมลพิษ การจัดการวัตถุอันตราย การจัดเก็บ และการกำจัดที่เหมาะสม คู่ค้าควรให้ความสำคัญกับการลดปริมาณของเสีย และกิจกรรมการรีไซเคิลอย่างจริงจังเพื่อลดปริมาณของเสีย
3. การจัดการวัสดุอันตราย และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
   คู่ค้าต้องมีกระบวนการ และมาตรการในการควบคุมการใช้วัตถุและสารเคมีอันตราย คู่ค้าควรมีการจัดเก็บ จัดการ กำจัด หรือทำลายวัตถุเหล่านี้อย่างปลอดภัยตามข้อกำหนดของกฎหมาย นอกจากนี้ คู่ค้าควรจัดอบรมให้แก่พนักงานเพื่อให้ความรู้อย่างรอบด้านเกี่ยวกับกระบวนการการทำงานที่ปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการทำงานกับวัตถุอันตราย
4. การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
   คู่ค้าควรใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการใช้น้ำ พลังงาน วัตถุดิบ และวัสดุบรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงการนำหลักปฏิบัติที่ดีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร และลดการเกิดของเสียในกระบวนการทั้งหมด
5. ความหลากหลายทางชีวภาพ
   บริษัทฯ คาดหวังให้คู่ค้าดำเนินการเพื่อปกป้อง และรักษาระบบนิเวศในพื้นที่ปฏิบัติงานของตน ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงกิจกรรมใด ๆ ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายหรือทำลายพื้นที่ชุ่มน้ำ ป่า หรือระบบนิเวศที่สำคัญอื่น ๆ
6. ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า
   คู่ค้าต้องยึดมั่นในหลักปฏิบัติไม่ตัดไม้ทำลายป่าทั้งในการดำเนินงานของคู่ค้า และห่วงโซ่อุปทานของคู่ค้า ซึ่งยังรวมถึงการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่นำไปสู่การทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า การตัดไม้ทำลายป่า และการทำให้พื้นที่เสื่อมโทรม คู่ค้าควรส่งเสริมวิธีการทำการเกษตรแบบยั่งยืน อาทิ วนเกษตร และการทำเกษตรอินทรีย์ นอกจากนี้ คู่ค้ายังต้องดำเนินมาตรการเชิงรุกในการอนุรักษ์ และปกป้องป่าไม้

3. จรรยาบรรณทางธุรกิจ

1. การต่อต้านคอร์รัปชัน และผลประโยชน์ทับซ้อน
   คู่ค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อตกลงระหว่างประเทศทั้งหมดเกี่ยวกับการต่อต้านการคอร์รัปชัน รวมถึงจะต้องไม่ทำการให้ข้อเสนอ จ่ายเงิน หรือรับสินบน หรือรับผลประโยชน์ที่ผิดจริยธรรมอื่น ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม คู่ค้าควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน คู่ค้าต้องเปิดเผยให้ทราบประเด็นที่อาจจะเป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ที่อาจเกิดขึ้น อาทิ ความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือผลประโยชน์ทางการเงินที่อาจทำให้เสียความเป็นอิสระหรือความเป็นธรรม
2. การให้ของขวัญ ของกำนัล และการเลี้ยงรับรอง
   คู่ค้าต้องปฏิบัติตามนโยบายการให้ และรับของขวัญ ของกำนัล และของที่ระลึกของบริษัทฯ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งไม่กระทำในลักษณะของการเสนอให้ของขวัญ ของกำนัล และการเลี้ยงรับรองแก่พนักงาน ลูกจ้างของบริษัทฯ ผู้ตรวจสอบภายนอก รวมทั้งบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของบริษัทฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโน้มน้าวใจให้เกิดการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อเป็นประโยชน์ของคู่ค้า
3. การต่อต้านการแข่งขันทางการค้า
   คู่ค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับเกี่ยวกับการต่อต้านการผูกขาด และการแข่งขันอย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงการไม่เข้าร่วมในข้อตกลงต่อต้านการแข่งขัน การกระทำที่เป็นการสมรู้ร่วมคิด การสมยอมในการเสนอราคาประมูล (ฮั้วประมูล) การตกลงกันเพื่อกำหนดราคา และการปฏิบัติอื่นใดที่จำกัดการแข่งขันที่ดี
4. ความโปร่งใสในธุรกิจ
   คู่ค้าต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินงาน และห่วงโซ่อุปทานของคู่ค้าให้แก่บริษัทฯ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของวัสดุ คุณลักษณะของผู้รับเหมาช่วง และใบรับรองที่เกี่ยวข้องหรือข้อกำหนดด้านความยั่งยืนที่เกี่ยวข้อง
5. การปกป้องคุ้มครองข้อมูลความลับ และข้อมูลส่วนบุคคล
   คู่ค้ามีหน้าที่ปกป้อง และรักษาข้อมูลทุกประเภทของบริษัทฯ ตามเงื่อนไขของสัญญา และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่ถือเป็นข้อมูลความลับ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยต่อผู้อื่นได้หากไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทฯ คู่ค้าควรนำมาตรการและระบบรักษาความปลอดภัยมาใช้ให้เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของบริษัทฯ ได้รับการคุ้มครองเป็นอย่างดีสอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้ และมาตรฐานสากล
6. ความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์และการบริหารจัดการคุณภาพ
   คู่ค้าต้องให้ความมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ และบริการของคู่ค้านั้นได้ดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยผลิตภัณฑ์ต้องไม่มีข้อบกพร่อง ปลอดภัยสำหรับการใช้งาน และทำงานได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ ยังต้องให้มั่นใจในความสมบรูณ์ของผลิตภัณฑ์ โดยคู่ค้าควรสร้างกระบวนการควบคุมคุณภาพและการทดสอบที่เข้มงวดก่อนการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้แก่บริษัทฯ อีกทั้งยังจำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการเสียหายของผลิตภัณฑ์ระหว่างการขนส่ง
7. การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
   คู่ค้าต้องเคารพ และหลีกเลี่ยงการละเมิดสิทธิบัตร ทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น และของบริษัทฯคู่ค้าควรใช้ทรัพย์สินทางปัญญา และข้อมูลความลับทางการค้าของผู้อื่น หรือของบริษัทฯ และพันธมิตรของบริษัทฯ โดยปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้งานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด การเปิดเผยทรัพย์สินทางปัญญาโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือยินยอมจากบริษัทฯ ถือเป็นเรื่องต้องห้ามโดยเด็ดขาด

ประกาศ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2566

(นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล)

กรรมการผู้จัดการใหญ่